วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โดสเร่งขาว อันตราย

หลายๆคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาหรือผ่านหูผ่านตามาบ้างนะครับกับ โดสเร่งขาว ที่มีสรรพคุณอวดอ้างเกินจริงอย่างเช่น "โดสเร่งผิวขาวทำให้ผิวขาวซีดหรือโดสเร่งผิวขาวทำให้ผิวขาวไวมีออร่า" ราคาถูกมากกระปุกละ 15-20 บาท บางที่ก็บอกว่ามี อ.ย ปลอดภัย บอกได้เลยครับว่าหลอกลวงทั้งเพ เดี๋ยวนี้คนขายเค้าอยากขายอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น ถ้าคุณหลงเชื่อคุณก็จะตกเป็นเหยื่อกลยุทธของพวกเเม่ค้าที่ไร้จรรณยาบรรณเหล่านี้ โดสเร่งขาวมันอาจจะทำให้ผิวขาวขึ้นได้จริงเเต่สงสัยมั้ยว่าทำไมใช้เเล้วขาวไว ก็เพราะว่าเค้าใส่สารที่อันตรายลงไปไงครับ ยิ่งพวกครีมหน้าใสทั้งหลายที่ทาเเล้วขาวไวๆยิ่งอันตรายใหญ่ครับ ยังไงผู้ซื้อก็ควรใช้วิจารณญาณในการซื้อด้วยนะครับ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงนะครับ



เนื้อหาข่าว
หมอผิวหนังเตือน 'สาวอยากขาว' อย่าหลงเชื่อใช้ 'โดสเร่งขาว' ชี้เสี่ยงมะเร็งผิวหนัง-ตาบอด เหตุมีกรด AHA เข้มข้นสูง 70% แถมไม่ผ่าน อย. ชี้เป็นผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมาย
ความคืบหน้าหลังเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบพบมีการขายผลิตภัณฑ์เร่งผิวขาวยี่ห้อหนึ่งชื่อ "โดสเร่งขาว" ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นน้ำสีต่างๆ อาทิ สูตรสีแดง สูตรสีเขียว สูตรสีชมพู และจากการตรวจสอบพบว่า โดสผิวขาวมีส่วนผสมของ AHA 70% ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าอันตรายมาก เนื่องจากมีความเข้มข้นสูง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 กันยายน นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รักษาการผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า หากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้กรด AHA 70% ถือว่ามีความเข้มข้นสูง ดังนั้นการนำมาใช้จึงถือว่ามีอันตรายอย่างมาก เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิว ปวดแสบร้อนเหมือนผิวไหม้ แม้ไม่เกิดอาการข้างเคียงดังกล่าว แต่การใช้เป็นเวลานานจะทำให้ชั้นผิวบอบบางลงเรื่อยๆ เพราะชั้นผิวถูกลอกออกไปเร็วกว่าตามธรรมชาติ เมื่อผิวหนังบอบบางจะเกิดผิวแพ้ง่าย ไวต่อแสงแดด เกิดอาการอักเสบง่าย และหากเกิดอาการอักเสบซ้ำๆ บ่อยๆ ในระยะยาวมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่สำคัญหากนำมาทาบริเวณที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา จะเกิดอาการระคายเคืองง่าย กระเด็นถูกตามีโอกาสทำให้ตาบอดเช่นกัน

“การทำให้หน้าขาวใสด้วยกรด AHA จะต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะแพทย์จะรู้ว่าผิวหนังของแต่ละคนเหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีดังกล่าวหรือไม่ รู้ว่าผิวหนังส่วนใดควรใช้ปริมาณกรด AHA เท่าใด และมีการให้คำแนะนำที่ถูกต้องภายหลังการทำ เช่น ทำแล้วจะมีอาการผิวลอกเป็นขุย ผิวใหม่ที่ขึ้นมาจะมีความบอบบาง ก็ต้องทาครีมบำรุงและกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวไวต่อแสง และต้องทิ้งช่วงระยะเวลาเท่าใดจึงจะสามารถกลับมาทำซ้ำได้อีก เป็นต้น“ นพ.จินดากล่าว

นพ.จินดา กล่าวอีกว่า ขอเตือนผู้ที่สนใจความสวยความงาม อยากขาวใส อย่าเห็นแก่ของราคาถูก แต่ผลที่ได้กลับมาอาจจะไม่คุ้ม อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่มีฉลากของ อย.ติดเอาไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่รู้ข้อมูลกระบวนการผลิตเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอัตราส่วนผสมระหว่างกรด AHA กับน้ำกลั่นเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกกฎหมาย และมีอันตราย

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางจะต้องจดแจ้งกับ อย.ก่อน จากนั้น อย.จะพิจารณาดูว่าเครื่องสำอางมีส่วนผสมของสารที่ห้ามใช้หรือไม่ ส่วนผลิตภัณฑ์โดสเร่งขาวนั้น จากการตรวจสอบไม่พบฉลากของ อย. จึงถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้จดแจ้งเครื่องสำอางผิดมาตรา 28 จึงมีโทษตามมาตรา 55 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีฉลากหรือมีแต่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเป็นเจตนาของผู้ผลิตเพื่อขายหรือนำเข้าเพื่อขายที่ไม่ติดฉลาก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น